เที่ยวเจดีย์ชเวดากอง สักการะพระพุทธไสยาสน์ ชมเจดีย์โบตะทอง ขอพรเทพทันใจ, ย่างกุ้ง (The Shwedagon Pagoda, The Reclining Buddha, Botataung Pagoda and Natboboyee, Yangon) เจดีย์ชเวดากอง มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในพม่าที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจ เจดีย์ชุบทองแห่งนี้มีความสูงถึง 99 เมตร ถูกรายล้อมไปด้วยเจดีย์เล็กอีก 64 องค์ ประดับด้วยเพชรกว่า 7,000 เม็ด จึงถูกเรียกว่า “มงกุฎแห่งพม่า” ด้านในนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ ในใจกลางเมืองย่างกุ้งสามารถมองลงมาเห็นบ้านเมืองรอบๆ ได้อย่างทั่วถึง เจดีย์ชเวดากองมีอายุราว 2,500 ปีมาแล้ว
ถูกสร้างขึ้นโดยชาวมอญ และยังเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในพม่าด้วยค่ะ สำหรับการขึ้นไปเยี่ยมชมเจดีย์ชเวดากองนั้นสามารถขึ้นไปทั้งหมด 4 ทาง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราแนะนำว่าให้ไปขึ้นที่โซนกลางค่ะ ฝั่งนั้นจะเป็นทางขึ้นแบบลิฟต์โดยสาร การเข้าชมวัดในประเทศพม่านั้นเน้นว่าทุกที่ที่เป็นเขตวัด ต้องถอดรองเท้านะคะ เมื่อไปถึงทางขึ้นที่นั่นจะมีถุงให้ใส่รองเท้าเพื่อถือ ถ้าเป็นที่เจดีย์ชเวดากองก็จะเดินสบายเท้าหน่อย ถ้าอากาศไม่ร้อน ย้ำ! ถ้าอากาศไม่ร้อนนะคะ เพราะถ้าอากาศร้อนละก็…กระโดดๆ เขย่งๆ แบบสำรวมแล้วกันเนอะ มันทำอะไรไม่ได้แล้วจ้าาา นึกถึงบุญกุศลที่กำลังจะทำเนอะ ฮิฮิ
สำหรับบริการธูปเทียน และดอกไม้ที่ใช้สำหรับการบูชาอย่างดอกมหาหงส์ จะถูกร้อยไว้ตั้งจำหน่ายอยู่โซนด้านหน้าลิฟต์ค่ะ แนะนำว่าการไปเปิดประสบการณ์ครั้งแรกให้ไปกับทัวร์ จะค่อนข้างสะดวกสบายมากกว่าไปลุยด้วยตัวเองนะคะ เหมาะสำหรับการไปเป็นทริปครอบครัวด้วยน้า ทุกอย่างทัวร์จะเตรียมไว้ให้ทั้งหมด แม้กระทั่งการนำสวดมนต์ขอพร ตั้งสติแล้วฟังให้ทันก็พอจ้า ซึ่งการไปสักการะเจดีย์ชเวดากองนั้นไม่ใช่ว่าขึ้นไปแล้วจะไหว้ขอพรตรงไหนก็ได้น้า เราต้องยืนยังจุดสำหรับไหว้องค์เจดีย์ ที่บริเวณลานเจดีย์รูปดาวทางทิศเหนือ หรือตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับเสาหงส์ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าขอพรตรงจุดนี้จะทำให้พรสัมฤทธิผล
อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามลืมคือ การไปไหว้ขอพรพระประจำวันเกิด ซึ่งจะประดิษฐานอยู่รอบๆ พระเจดีย์ชเวดากอง โดยเรียงตามวันเกิด แต่สำหรับคนเกิดวันพุธสังเกตให้ดีนะคะ เพราะจะมีพระประจำวันเกิด 2 องค์สำหรับพุธกลางวัน และพุธกลางคืนค่ะ ไม่ต้องกลัวสับสนหรือหาไม่เจอนะคะ เพราะแต่ละองค์นั้นจะมีป้ายเขียนไว้ว่า สำหรับคนเกิดวันไหนเป็นภาษาอังกฤษอยู่ด้านบน ใต้พระประจำวันเกิดนั้นก็จะมีสัตว์ประจำวันเกิดดังนี้
วันอาทิตย์ (ตะนิ้นกะหนู่เอเนะ) –รูปปั้นครุฑ
วันจันทร์ (ตะนิ้นลาเนะ) –รูปปั้นเสือ
วันอังคาร (เอ็งก่าเนะ) –รูปปั้นสิงห์
วันพุธกลางวัน (บูดาหู้) –รูปปั้นช้างมีงา
วันพุธกลางคืน (ราหูเนะ) –รูปปั้นช้างไม่มีงา
วันพฤหัสบดี (จ่าฏ่าบเดเนะ) – รูปปั้นหนูใหญ่หางสั้น
วันศุกร์ (เฏ้าจ่าเนะ) –รูปปั้นหนูหางยาว
วันเสาร์ (เสน่ห์เนะ) –รูปปั้นพญานาค
สำหรับวิธีการขอพรนั้น ให้ยกมือขอพรตามที่เราต้องการก่อน แล้วค่อยตักน้ำรดที่พระพุทธรูปประจำวันเกิด จากนั้นก็รดที่เทวดาที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์พระพุทธรูป แล้วก็ต่อด้วยรดที่สัตว์ประจำวันเกิด โดยให้รดน้ำจำนวนขันตามอายุของเราเอง แล้วบวกเพิ่มไปอีก 1 ขันเพื่อการถือเคล็ดให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ